สรพ.ถอดบทเรียน 2P Safety4 เซฟค่ารักษากว่า 42% มุ่งสู่การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในรพ. พร้อมขยับจาก 2P สู่ 3P และ 4 P”
![](https://skytimeonline.com/wp-content/uploads/2021/09/นพกิตตินันท์.jpg)
เมื่อวันที่ 16 ก.ย. นพ.กิตตินันท์ อนรรฆมณี ผอ.สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (สรพ.) กล่าวตอนหนึ่งในการประชุมออนไลน์ เนื่องในวันแห่งความปลอดภัยของผู้ป่วยโลก The 3th World Patient safety Day safe maternal and newborn care เรื่อง “Patient and Personnel Safety ในสถานการณ์โควิด-19” ว่า สรพ. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการขับเคลื่อนโครงการ 2P Safety มาตลอดระยะเวลา 4-5 ปี เพื่อส่งเสริมให้เกิดวัฒนธรรมมความปลอดภัยต่อผู้ป่วยและบุคลากรสาธารณสุข ซึ่งในอนาคตจาก 2P ก็กำลังจะขยายเป็น 3P Safety นั้น ส่วนตัวมองว่าน่าจะเป็นประโยชน์ค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะการนำไปใช้เป็นแนวทางในการจัดการการระบาดของโรคโควิด -19 ซึ่งปี 2563 ถือว่าประเทศไทยทำได้ค่อนข้างดี บุคลากรสาธารณสุขติดเชื้อน้อยมาก และถึงแม้ปี 2564 จะเจอกับสายพันธุ์เดลต้า ที่แพร่กระจายง่ายทำให้บุคลากรติดเชื้อมากพอสมควร แต่ยังต่ำกว่าอีกหลายๆ ประเทศ ตนเชื่อโดยลึกๆ ว่าเกิดจากการผสมผสานระหว่างนโยบายปกติ รวมกับ 2P Safety ซึ่งถูกปูพื้นมาพอสมควรในเรื่องการควบคุมป้องกันโรค การลดความเสี่ยงต่างๆ ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
![](https://skytimeonline.com/wp-content/uploads/2021/09/2021-09-16_10-00-11.jpg)
“ด้วย 2P Safety ช่วยให้เราเตรียมความพร้อมของประเทศ เรียนรู้ และพัฒนาเพื่อรองรับสายพันธุ์อื่นๆ อนาคตก็ต่อยอดเป็น 3P Safety อย่างการระบาดโควิด หากไม่มีส่วนร่วมจากภาคประชาชน ภาคประชาสังคม คงบริหารจัดการได้ยาก ดังนั้นสิ่งที่เราทำคือการสร้างเครือข่าย เพราะฉะนั้น 2P Safety ทิศทางจะถูกผนวกรวมกับระบบการประเมินรับรอง การจัดระบบการรายงาน และอนาคตจะพูดถึงภาพรวมกับเครือข่ายภาคส่วนต่างๆ ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพ และความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น” ผอ.สรพ. กล่าว
![](https://skytimeonline.com/wp-content/uploads/2021/09/คุณหมอประสิทธิ์-Zoom.jpg)
ด้าน ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ประเทศไทยเราทำเรื่องความปลอดภัยในสถานพยาบาลคู่ขนานกับองค์การอนามัยโลก และยังดำเนินการมาตลอด ที่ศิริราชมองว่าบทบาทรพ.นอกจาก 2P Safety แล้วยังมีแนวคิดสร้างความปลอดภัยให้ประชาชนที่มาติดต่องานอื่นๆ ที่รพ.ด้วย เพราะแต่ละวันมีประชาชนมากว่า 4 หมื่นคนทั้งคนไข้นอก ญาติ และบุคลากร นอกจากนี้ยังคิดถึงชุมชนสภาพแวดล้อมห่างไกลศิริราชด้วย เพราะถ้าคนที่มาศิริราชแล้วรับอะไรบางอย่างจากที่นี่ อาทิ สารเคมี สารกัมมันตภาพรังสี ขยะติดเชื้อ เชื้อโรค เป็นต้น แล้วอาจจะนำกลับไปสู่ชุมชนเขาได้ ดังนั้นจึงครอบคลุม 4P Safety คือ patient , personnel, People และ Public
ทั้งนี้ บทเรียนโควิด -19 เป็นตัวอย่างที่ดีให้เห็นว่า 4P มีความสัมพันธ์กัน ที่ผ่านมามีคนไข้โควิดมานอนรพ.ศิริราช ทางรพ.ก็ต้องมีมาตรการป้องกันการติดเชื้อในบุคลากร และประชาชนที่มารพ.ด้วย ดังนั้นที่ผ่านมามีคนติดเชื้อจากผู้ป่วยน้อยมาก เพราะมีหน่วยงานที่เข้มแข็ง และมาตรการป้องกันตัวถือเป็นมาตรฐานที่ต้องทำ แต่บ่อยครั้งที่คนศิริราชติดเชื้อ ส่วนใหญ่ติดมาจากภายนอก แล้วค่อยแพร่สู่ผู้อื่น ดังนั้นจะเห็นว่าเชื้อจุลชีพต้องป้องกันรอบด้าน ป้องกันเราไม่ให้ติดเชื้อจากคนไข้ และป้องกันคนไข้ไม่ให้ติดเชื้อจากเรา เพราะฉะนั้น ทั้ง 2 ฝ่ายก็ต้องป้องกันการแพร่เชื้อสู่คนอื่นๆ ที่เดินเข้ามาในรพ.ศิริราชด้วย อย่างไรก็ตาม โควิด -19 บอกได้ชัดว่าต่อให้คนไข้ บุคลากรในรพ.ปลอดภัย แต่หากสังคมภายนอกยังมีการระบาดมาก โอกาสที่เชื้อจะหลุดเข้ามาก็ยังมีอยู่จึงต้องทำให้ครอบคลุมถึง 4P Safety
“โดยสรุป ความหมาย 4P Safety ในความเห็นของผม และที่เราเริ่มคุยกันอยู่ Pตัวที่ 3 ควรครอบคลุม 2 กลุ่ม People และ Public ซึ่ง อาจจะมีการปฏิบัติแตกต่างกัน แต่หากดูเกณฑ์ที่ทำให้เกิดความปลอดภัย จะอยู่ใน ประเด็นการรับรองคุณภาพสถานพยาบาลเหมือนกัน หากหยิบออกมาไฮไลท์ให้ชัดเจน แล้วกำหนดเกณฑ์ติดตาม เกณฑ์ชี้วัด คิดว่าประเทศไทยกำลังจะสร้างอะไรบางอย่างให้กับโลกใบนี้” ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว
![](https://skytimeonline.com/wp-content/uploads/2021/09/พญปิยวรรณ.jpg)
ขณะที่ พญ.ปิยวรรณ ลิ้มปัญญาเลิศ รองผอ.สรพ. กล่าวว่า ในระบบบริการเกิดอันตรายขึ้นได้มากมาย เช่น มีรายงานที่สหรัฐในอเมริกาเกิดการเสียชีวิตปีละเกือบ 1 แสนราย มากกว่าอุบัติเหตุ และมะเร็งเต้านม ดังนั้นเรื่อง Patient Safety จึงสำคัญคือการทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อคนไข้ หรือลดอันตรายต่อคนไข้ เริ่มตั้งแต่กระบวนการคัดกรอง รักษา และติดตาม ให้ความรู้ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแต่ละกระบวนการมีโอกาสเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยได้ตรงไหน ก็ต้องอาศัยต่อมเอ๊ะ หรือการช่างสังเกต ค้นหา เพื่อวางระบบป้องกันแก้ไข ซึ่งทั่วโลกได้ให้ความสำคัญมาก โดยองค์การอนามัยโลก มีการประชุมนานาชาติ ครั้งที่ 55 ให้ความสำคัญเรื่องนี้ ต้องมีการปรับคุณภาพการให้บริการให้เกิดความปลอดภัยกับผู้ป่วย เพื่อให้ประเทศทั่วโลกดำเนินการร่วมกัน ค้นหาช่องโหว่ในรพ. แล้วปิดจุดนั้นเพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัย
![](https://skytimeonline.com/wp-content/uploads/2021/09/messageImage_1631767292187.jpg)
“จากการประชุมครั้งนั้นเราพบว่าสถิติมีการรายงานการเปลี่ยนแปลงมากมาย พบอุบัติเหตุ หรือความเสียหายใจรับบริการในรพ. ติด 10 อันดับแรกของการเสียชีวิต ดังนั้นการที่ผู้ป่วยเสียชีวิตระหว่างการรักษา เกิดขึ้นในมือของเราจริงหรือ ดังนั้นจึงเป็นบทบาทหน้าที่ของเราด้วย บทบาทหน้าที่ จริยธรรมจะฟ้องกันในเรื่องนี้ได้อย่างไร เพราะจากจข้อมูล 83% ป้องกันได้ และปีนี้เนื่องในวัน Patient Safety Day 17 ก.ย.นี้ ให้ความสำคัญกับแม่และเด็ก เพราะพบสถิติทุกวันมีมารดา 830 คนเสียชีวิตจากการตั้งครรภ์ หรือกระบวนการคลอด ซึ่งส่งผลกระทบกับทารกด้วย” พญ.ปิยวรรณ กล่าว
รองผอ.สรพ. กล่าวต่ออีกว่า สำหรับประเทศไทยมีการประกาศนโยบายเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2559 ในขณะนั้นเพื่อขับเคลื่อนแผนสร้างความปลอดภัยในรพ. 4 ปี ตั้งแต่ 2560-2564 พบว่าในปีแรกอาจจะเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมได้ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะเรื่องอัตรากำลังของบุคลากร แต่เห็นแนวโน้มดีขึ้นในบางพื้นที่ บางรพ. อย่างไรก็ตามแนวโน้มก็ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยจากข้อมูลพบว่า อุบัติการณ์ อุบัติเหตุในสถานพยาบาล 1,708,670 ครั้ง แก้ไขได้ 42% เพิ่มขึ้นจากปีแรก 20%, 25% และ 27% ตามลำดับ ส่วนก้าวต่อไปในปี 2565 เรายังต้องร่วมมือกันสร้างความปลอดภัยในรพ. มากขึ้นเรื่อยๆ โดยจะมีการรับสมัครรพ. เข้าร่วมโครงการเพิ่มเติมตั้งแต่วันที่17 ก.ย.-18 ต.ค. 2564 ขอย้ำว่าการจะสร้างความปลอดภัยได้ บุคลากรต้องกล้าส่งเสียงความผิดปกติเหล่านี้ออกมาเพื่อให้เกิดการนำไปสู่การแก้ไขปัญหา