“HMC Polymers” ชูแนวคิด “PP ENDLESS SOLUTIONS FOR MORE” มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน เผยปี 2566 กวาดรายได้ 2.5 หมื่นล้านบาท
![](https://skytimeonline.com/wp-content/uploads/2024/03/1000021936-1024x681.jpg)
บริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส์ จำกัด หรือ HMC Polymers ผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติก โพลีโพรพิลีน หรือ PP รายแรกและใหญ่ที่สุดของประเทศไทยและชั้นแนวหน้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แถลงข่าวเดินหน้าผลักดันธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมชูแนวคิด “ENDLESS SOLUTIONS FOR MORE” หรือ “ยิ่งสร้างสรรค์ ยิ่งล้ำหน้า ยิ่งใช้งาน ยิ่งยั่งยืน…ไม่รู้จบ” ภายใต้การนำทัพของ Mr. Corso Uzielli (คอร์โซ อูซีลลี่) ตอกย้ำความเป็นผู้นำการผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติก PP เกรดพรีเมียมแตกต่างจากผู้ผลิตอื่น ๆ ในตลาด ผ่านกลยุทธ์ความยั่งยืนทั้ง 3 Pillars ประกอบด้วย Circularity, Carbon Neutrality และ Connectivity ด้วยเทคโนโลยีระดับโลกที่ทันสมัยหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ได้ไม่สิ้นสุด ช่วยลดการใช้ทรัพยากรโลกปล่อยก๊าซคาร์บอนให้น้อยลง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อชีวิตที่สะดวกสบายในวันนี้ เพื่อโลกยุคใหม่ที่ยั่งยืนถึงวันหน้า ทั้งนี้ HMC Polymers เผยผลประกอบการปี 2566 รายได้รวม 2.5 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าปี 2567 กวาดรายได้มากกว่า 2.8 หมื่นล้านบาท
![](https://skytimeonline.com/wp-content/uploads/2024/03/1000021935-1024x722.jpg)
นายคอร์โซ อูซีลลี่ ประธานบริษัท HMC Polymers เผยถึงแนวคิดในการดำเนินธุรกิจว่า “การก้าวสู่ปีที่ 41 HMC Polymers ยังคงเดินหน้าคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ พัฒนาสู่ความเป็นเลิศทั้งในด้านฐานการผลิตและการดำเนินธุรกิจทุก ๆ มิติอย่างต่อเนื่อง มุ่งผลักดันให้สายการผลิตที่ 4 ของโรงงานโพลีโพรพิลีน (PP4) ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปลายปี 2565 ดำเนินการผลิตสูงสุดเต็มศักยภาพ พร้อมนำเทคโนโลยี Spherizone อันทันสมัยที่สุดในการผลิตเม็ดพลาสติก PP จากบริษัท LyondellBasell ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของ HMC Polymers สู่การผลิตเม็ดพลาสติก PP เกรดพิเศษ (Specialty) และเกรดคุณภาพสูง (Differentiated) เพื่อการนำไปใช้งานที่หลากหลายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มการแพทย์และสุขอนามัย กลุ่มบรรจุภัณฑ์ทั้งแบบแข็งและแบบยืดหยุ่น และกลุ่มชิ้นส่วนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่” นายคอร์โซ กล่าวทิ้งท้าย
![](https://skytimeonline.com/wp-content/uploads/2024/03/1000021937-1024x681.jpg)
นายพรชัย พิชิตวุฒิกร รองประธานอาวุโส สายงานกลยุทธ์ นวัตกรรม และพาณิชยกิจ กล่าวถึงกลยุทธ์ในมุมการผลักดันผลิตภัณฑ์สู่ความยั่งยืน โดยเริ่มจาก Circularity Pillar ว่า นอกจากการรักษามาตรฐานของเม็ดพลาสติก PP เกรดพิเศษ (Specialty) และเกรดคุณภาพสูง (Differentiated) ให้เหนือกว่าคู่แข่งเสมอ เรายังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน (Sustainable Products) ซึ่งแบ่งได้ตามคุณสมบัติเด่นทั้ง 3 ประเภท คือ
- Reduce : เม็ดพลาสติก PP ชนิด Bio-based ที่ผลิตจากวัตถุดิบที่ใช้แล้ว เช่น น้ำมันพืชที่ใช้แล้ว เป็นต้น ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในการกระบวนผลิต โดยเม็ดพลาสติก PP ชนิด Bio-based ได้รับการรับรอง ISCC PLUS จากหน่วยงาน International Sustainability and Carbon Certification ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล ที่ให้การรับรองผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน / เม็ดพลาสติก PP แบบ Downgauging ที่มีความแข็งแรงและประสิทธิภาพการใช้งานสูงมาก จึงสามารถลดเนื้อพลาสติกในการขึ้นรูปชิ้นงานได้ แต่ยังใช้งานได้ดีดังเดิม
- Recycle : เม็ดพลาสติก PP รีไซเคิลเชิงเคมี (Chemical Recycling PP) คือ การนำพลาสติกที่ใช้แล้วมาผ่านกระบวนการทางเคมีที่เรียกว่า Pyrolysis ก่อนนำมาเป็นวัตถุดิบผลิตเม็ดพลาสติก PP อีกครั้ง โดยเม็ดพลาสติก PP รีไซเคิลเชิงเคมี ได้รับการรับรอง ISCC PLUS เช่นกัน / เม็ดพลาสติก PP รีไซเคิลเชิงกล (Mechanical Recycling PP) คือ เม็ดพลาสติก PP รีไซเคิล ที่ผลิตจากพลาสติก PP ที่ผ่านการใช้งานจากผู้บริโภคแล้ว (Post-Consumer Recycled, PCR) หรือพลาสติก PP จากการทิ้งหรือไม่ตรงตามความต้องการระหว่างกระบวนการผลิตภาคอุตสาหกรรม (Post-Industrial Recycled, PIR) โดยเม็ดพลาสติก PP รีไซเคิลเชิงกล ได้รับการรับรองมาตรฐาน GRS (Global Recycled Standard) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล ที่ให้การรับรองผลิตภัณฑ์รีไซเคิล
- Redesign & Replace : เม็ดพลาสติก PP Monomaterial เม็ดพลาสติก PP สำหรับทดแทน Aluminum Foil ส่งผลให้บรรจุภัณฑ์ฟิล์มเป็นพลาสติกเนื้อเดี่ยว หรือ Monomaterial นำไปรีไซเคิลได้ง่ายขึ้น เพราะไม่มีวัตถุดิบชนิดอื่นปะปน
![](https://skytimeonline.com/wp-content/uploads/2024/03/1000021942-682x1024.jpg)
ในส่วน Carbon Neutrality Pillar นั้น ณ ปัจจุบันเราได้เตรียมตัวเพื่อก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยการจัดทำข้อมูลฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint Products – CFPs) สำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ จำนวน 29 ผลิตภัณฑ์ในปี 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อรวมกับปี 2565 ทำให้มีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองรวมแล้ว 60 ผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ HMC Polymers ได้ก่อสร้างหอเผาระดับพื้น (Ground Flare) เพื่อลดมลพิษจากการเผาไหม้ที่หอเผาสูง (Elevated Flare) ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ควบคุมควันดำได้เป็นอย่างดี รวมถึงลดเสียงและแสง โดยเป้าหมายต่อไปของเรา คือ “Zero Flare” ลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศโลก
![](https://skytimeonline.com/wp-content/uploads/2024/03/1000021939-1024x682.jpg)
กลยุทธ์ด้านความยั่งยืนเสาสุดท้ายได้แก่ Connectivity Pillar คือ การนำองค์ความรู้ นวัตกรรม เทคโนโลยีของบริษัทฯ เชื่อมโยงและสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในสังคม อาทิ การจัดทำ แพลตฟอร์ม PP Reborn ชุบชีวิต PP กับ HMC Polymers เพื่อให้ภาคประชาชนได้ส่งพลาสติก PP ใช้แล้วกลับเข้าสู่ระบบผลิตอีกครั้งตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยล่าสุดพลาสติก PP ใช้แล้วที่ได้จากแพลตฟอร์มฯ ยังได้รับการนำไปอัพไซเคิลเป็น Bed Pan หรือ หม้อนอนสำหรับผู้ป่วย ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับมูลนิธิอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รวมถึงกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.)
![](https://skytimeonline.com/wp-content/uploads/2024/03/1000021940-1024x682.jpg)
นางสาวอังคณี สุนทรสวัสดิ์ รองประธาน สายการเงิน บัญชีและงานสนับสนุนองค์กร ได้กล่าวปิดท้ายงานแถลงข่าวถึงภาพรวมและแผนกลยุทธ์การเงินของ HMC Polymers ว่า “แม้การเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2566 จะชะลอตัวจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังขาดปัจจัยสนับสนุนตั้งแต่ช่วงต้นปี 2566 และแม้สาธารณรัฐประชาชนจีนจะกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลังเปิดประเทศ แต่ยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวมากนัก ทั้งนี้ ธุรกิจปิโตรเคมีโดยรวมยังคงอยู่ในภาวะอ่อนตัวจากปัจจัยอุปสงค์ยังคงชะลอตัวจากสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นและอุปทานส่วนเกิน ซึ่งเกิดจากกำลังการผลิตใหม่ที่เข้ามาในระหว่างปี ส่งผลให้การเติบโตของความต้องการผลิตภัณฑ์ PP ชะลอตัวและราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้รับปัจจัยเชิงบวกจากการมุ่งเน้นในผลิตภัณฑ์ PP เกรดพิเศษ (Specialty) และเกรดคุณภาพสูง (Differentiated) ซึ่งมีการแข่งขันน้อยกว่าและมีอัตราส่วนกำไรที่สูงกว่า ในส่วนของการขายนั้น บริษัทฯ กระจายรายได้ไปยังอุตสาหกรรมปลายทางและจำหน่ายในหลายประเทศ (Market Diversification) ผ่านช่องทางการจำหน่ายที่มีอยู่ทั่วโลก ทำให้ปี 2566 HMC Polymers มีรายได้รวมประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายสินค้าเกรดพิเศษ SPDP (Specialty-Differentiated) กว่า 53% ของรายได้รวม ภาพรวมฐานะการเงินมีความแข็งแกร่งด้วยสินทรัพย์รวมมากกว่า 3.6 หมื่นล้านบาท กระแสเงินสดมีสภาพคล่องในระดับเพียงพอ ด้วยฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง การเป็นผู้นำในธุรกิจ PP ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงการเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้ HMC Polymers ได้รับการจัดอันดับเครดิตโดย บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด อยู่ในระดับ ‘A-(tha)’ นอกจากนี้ บริษัทฯขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีให้ โดยในเดือนตุลาคม 2566 บริษัทฯ จำหน่ายหุ้นกู้เต็มวงเงิน 3,800 ล้านบาท เกินจากเป้าที่ตั้งไว้ คือ 3,000 ล้านบาท ช่วยตอกย้ำความพร้อมในการดำเนินธุรกิจไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งบนรากฐานของความอย่างยั่งยืน”
![](https://skytimeonline.com/wp-content/uploads/2024/03/1000021943-1024x682.jpg)
ทั้งนี้ HMC Polymers ยังคงเดินหน้าคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ พัฒนาสู่ความเป็นเลิศทั้งในด้านฐานการผลิต และการดำเนินธุรกิจทุก ๆ มิติอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค ควบคู่ไปกับการบริหารงานสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนด้วย
![](https://skytimeonline.com/wp-content/uploads/2024/03/1000021944-1024x576.jpg)
![](https://skytimeonline.com/wp-content/uploads/2024/03/1000021941-1024x682.jpg)