Uncategorized

คนข้างตัวผู้ว่าฯกทม.แสบส่งกลิ่นฉาว มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายเหนือ ขรก.

สืบเนื่องจากปีก่อนหน้านี้กรุงเทพมหานครบริหารจัดการด้านงบประมาณล่าช้า จนทำให้หลายๆโครงการไม่เป็นไปตามงบประมาณที่วางไว้ทำให้ กทม.เสียประโยชน์ จึงทำให้สมาชิกสภากุรงเทพมหานคร (ส.ก.)จากทุกพรรครวมตัวกันเข้าพบ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาหลังพบว่า สาเหตุของความล่าช่าเกิดจากคนใกล้ชิดผู้ว่าฯกทม.ที่เข้าไปล้วงลูกแทบทุกโครงการ ทำให้บรรยากาศในการหารือค่อนข้างตึงเครียด โดยแหล่งข่าวระดับสูงกล่าวว่าหลังจาก ผู้ว่าฯ กทม.ได้มอบอำนาจให้กุนซือ ต. มีอำนาจในการบริหารงานแทน นาย ต.ได้ใช้อำนาจดังกล่าวเข้าไปแก้ไขข้อบัญญัติของ กทม.หลายด้าน เพื่อให้ตัวเองมีอำนาจเทียบเท่าผู้ว่าฯ กทม. ในการโอน โยกย้าย แต่งตั้งข้าราชการ ซึ่งตามแนวปฎิบัติในอดีตที่ผ่านมา ผู้ว่าฯกทม.จะมอบอำนาจหน้าที่นี้แก่ เลขานุการ ดำเนินการร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของ กทม. แต่การบริหารงานในยุคผู้ว่าที่แกร่งที่สุดในปฐพีกลับมอบอำนาจให้ที่ปรึกษามอบหมายพาวเวอร์เทียบเท่ากับผู้ว่าฯ และมีอำนาจเหนือกว่าข้าราชการประจำ จนได้รับการเรียกขนานนามนาย ต.ว่าคือ ผู้ว่าฯกทม.สายดำ

แหล่งข่าวระดับสูงกล่าวอีกว่า เมื่อเร็วๆนี้มีข่าวว่าจะมีการโยกย้าย นาย ส. ขรก.ระดับผู้อำนวยการ มาเป็นผู้อำนวยการในสำนักสิ่งแวดล้อม ซึ่งการโยกย้ายตำแหน่งฝ่ายบริหารระดับผู้อำนายการ เป็นอำนาจหน้าที่ของปลัดกรุงเทพมหานคร โดยจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายตามขั้นตอน ซึ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากข้าราชการใน กทม.ว่า ที่ปรึกษา ต.มีการพูดถึงตัวเลขและวางตัวเพื่อผลประโยชน์ ดังนั้นในกรณีนี้ปลัด กทม.อาจเป็นแค่ตรายางเซ็นตามใบสั่ง ผู้ว่าฯสายดำ และหากข่าวลือดังกล่าวเกิดขึ้นจริง อาจส่งผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจข้าราชการในสำนักสิ่งแวดล้อมและข้าราชการกรุงเทพฯเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นยังเข้าไปล้วงลูกกับเงินงบประมาณจัดซื้อจัดจ้างแทบทุกโครงการ มีการวางแผนและจัดวางบุคลากรของตัวเองไว้ในระดับผู้บริหารกองหลายตำแหน่ง ซึ่งปัญหาหมักหมมมานานนายชัชชาติทราบเรื่องก็บอกแต่เพียงว่าจะจัดการให้ๆมาตลอดแต่ก็ไม่ทำอะไร ยังคงปล่อยให้ นาย ต.เป็นมาเฟีย ตั้งก๊วนก๊กขึ้นมาแสวงหาผลประโยชน์อย่างต่อเนื่อง

สำหรับการตั้งก๊วนก๊กของนาย ต.แหล่งข่าวระดับสูงกล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีประเด็นการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องมือแพทย์ของ กทม ที่มีการเปิดประมูลแบบแปลกๆ โดยมี นาย ต.มือขวาของผู้ว่าฯอยู่เบื้องหลังการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมด เข้าไปแทรกแซงโดยแต่งตั้งอดีตรองปลัดคนหนึ่งเกษียณแล้วเข้ามาเป็นที่ปรึกษาเพื่อหาช่องหลบเลี่ยงข้อบังคับต่างๆ โดยไม่สนใจประโยชน์ของ กทม.และเงินภาษีของประชาชน สร้างความอิดหนาระอาใจแก่บรรดา สก.แทบทั้งสภา โดยเฉพาะข้าราชการเพราะถ้าไม่ฟังอาจโดนสั่งย้ายได้ ประวัตินาย ต.หรือผู้อาวุโส ต.คนนี้ไม่ธรรมดาติดสอบห้อยตามนายชัชชาติมาแต่สมัยหาเสียงเลือกตั้ง ผู้ว่าฯกทม. สำนักข่าวอิศรายังเคยลงข่าวว่ามีบริษัทอยู่ในสังกัด 25 บริษัทพร้อมรับงานแทบทุกโครงการของราชการ ตอนนี้เรื่องอยู่ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.)  แต่ยังอยู่ในระหว่างสอบสวนแสวงหาข้อเท็จจริง เลยทำให้ฮึกเหิมกล้าที่จะลงไปล้วงลูกงบประมาณของทุกสำนัก นอกจากนี้ยังมีลูกทีมชื่อย่อนาย ล.วางตัวเป็นขาใหญ่เป็นที่รู้จักกันดีใน กทม.โดยเฉพาะแววดวงเอกชนที่ให้ความสนใจประมูลงานใน กทม.เรียกรับผลประโยชน์ล่วงหน้าจากเอกชนเป็นเงินสด 1% ของงบประมาณแทบทุกโครงการสุดท้ายเอกชนจะได้รับงานหรือไม่ได้งานก็ไม่มีการคืนเงินมัดจำ เรื่องแบบนี้รู้กันดีทั้งในสภา กทม.และบรรดาข้าราชการ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะสุดท้ายผู้ว่าฯก็ส่งเรื่องมาให้ที่นาย ต.อยู่ดี ทำให้หลายคนอดคิดไม่ได้ว่า ผู้ว่าฯมีส่วนรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่

“หากผู้ว่าฯยังปล่อยให้แก๊งค์นาย ต.ยังเป็นมาเฟียตั้งก๊กก๊วนอยู่อย่างนี้ ความน่าเชื่อถือในตัวผู้ว่าฯก็ยิ่งลดลง ที่สำคัญจะส่งกระทบต่อชื่อเสียงของ ผู้ว่าฯ กทม. ยิ่งตอนนี้ดูแล้วชื่อเสียงของ ผู้ว่าฯ แผ่วลงไปเยอะ เพราะปล่อยคนข้างตัวผู้มุ่งจะหาผลประโยชน์ใส่ตัวจนลืมทำผลงานที่เคยคุยกันไว้ก็อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่ง ทำงานมาเกือบ 2 ปี น่าจะจัดทำผลสำรวจความพึงพอใจของข้าราชการใน กทม บ้างว่ารู้สึกกันอย่างไร กับการทำงานในบรรยากาศที่กดดัน คนสั่งมีอำนาจโยกย้ายและไม่เซ็นอะไรสักอย่าง แต่คนรับคำสั่งต้องเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางถ้าไม่ทำก็ลำบากอยู่ไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่แฟร์กับข้าราชการ” แหล่งข่าวระดับสูงระบุ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *